ฟิวเจอร์สของดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองของตลาดทิศทางขาลง ระหว่างการซื้อขายในเอเชียวันนี้ ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.3% ขณะที่ NASDAQ ซึ่งเป็นดัชนีที่เน้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.5% การขายหุ้นลงทวีความรุนแรงในเอเชีย ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงเมื่อบรรดานักลงทุนเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงท่ามกลางความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump

เมื่อสิ้นสุดการซื้อขายเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้น S&P 500 ปรับลดลง 1.6% ในขณะที่ Nasdaq 100 ลดลง 2.8% หุ้นของ Nvidia Corp. ตกลง 8.5% ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงเหลือประมาณ 4.23% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม

การเรียกเก็บภาษีรอบล่าสุดของ Trump ต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน ได้กระตุ้นให้เกิดการขายสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก Bitcoin ซึ่งมักถูกเรียกว่า "Trump's trade" ร่วงลงมากกว่า 10% ขณะที่ดัชนีความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

เมื่อวานนี้ Trump ยืนยันว่า ภาษี 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโกจะมีผลในวันที่ 4 มีนาคม ขณะที่การนำเข้าจากจีนจะเผชิญกับการเก็บอากรเพิ่มเติม 10% เริ่มในเดือนเมษายน นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ภาษีนี้อาจทำร้ายการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ และอาจผลักดันเม็กซิโกและแคนาดาเข้าสู่ภาวะถดถอย จีนสาบานว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นทั้งหมดต่อการกระทำของสหรัฐฯ

การตัดสินใจของ Trump ได้จุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างทั้งภายในสหรัฐฯ และระดับนานาชาติ หลายฝ่ายนิติบัญญัติและผู้นำธุรกิจได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจอเมริกันและความสัมพันธ์ทางการค้า พวกเขาแย้งว่า ภาษีจะนำไปสู่ราคาที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค ลดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน และความไม่มั่นคงในเศรษฐกิจโลก มาตรการตอบโต้ที่เป็นไปได้ของจีนอาจรวมถึงการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ และนำมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอื่นๆ มาใช้ การขยายความของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดการเงิน เม็กซิโกและแคนาดาก็กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ต่อสหรัฐฯ ซึ่งอาจรวมถึงการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ และการร้องเรียนทางการค้าไปยังองค์การการค้าโลก (WTO)

ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันประสบกับการขาดทุนตลอดเดือน ขณะที่ทองคำกำลังมีแนวโน้มขาดทุนรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในปีนี้ สำหรับมุมมองทางเทคนิคของดัชนี S&P 500 การลดลงยังคงดำเนินต่อไป เป้าหมายหลักสำหรับผู้ซื้อวันนี้คือการฝ่าแนวต้านที่ใกล้ที่สุดที่ $5,877 ซึ่งจะสามารถเปิดทางให้เกิดการเติบโตเพิ่มเติมและเคลื่อนไหวไปสู่ระดับ $5,897 อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญสำหรับเจ้ามือคือต้องรักษาการควบคุมที่ระดับ $5,915 ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้พวกเขา หากควมต้องการเสี่ยงลดลงและตลาดเคลื่อนตัวลง ผู้ซื้อจะต้องเข้ามาที่ระดับ $5,854 การทะลุระดับนี้จะทำให้ดัชนีกลับไปที่ $5,833 และอาจเปิดทางสู่ $5,813